ข่าวออนไลน์ รวมข่าววันนี้ เป็นการรวบรวมข่าวจากเว็บไซต์ต่างๆ ข่าวเด่นประเด็นร้อน ข่าวสารความเคลื่อนไหวทั้งในและต่างประเทศ คลิปเด็ด คลิปดัง นำเสนอข้อมูล ข่าวสาร สู่ผู้ชมทั่วโลกผ่านสื่อออนไลน์ ไร้พรมแดน ไร้ผู้บงการ ไร้การรีดไถเงิน เป็นอิสระด้านความถูกต้อง นำเสนอข่าวด้วยความโปร่งใส เพื่อสังคมไทยปัจจุบัน

กระหึ่มเน็ต-สลดดญ. ใช้เซ็กซ์ ขอแลกไอโฟน6 แช็ตกับ"เสี่ย"ร้านมือถือ



ภาพ : แลกไอโฟน- ภาพแค็ปไลน์การพูดคุยระหว่างด.ญ.กับเจ้าของร้านมือถือแห่งหนึ่งเผยแพร่ในเว็บบอร์ดพันทิป โดยฝ่ายหญิงเสนอตัวหลับนอนเพื่อแลกกับไอโฟน 6 แต่เสี่ยเจ้าของร้านเตือนสติให้เก็บออมเงินไปซื้อเองดีกว่า



ถูกปฏิเสธ-สั่งสอนกลับ ให้หัดเก็บออมเงินมาซื้อ สะเทือนสังคมวัตถุนิยม ระบุไม่ได้มีแค่รายเดียว

แชร์ กันว่อน! เด็กสาววัยรุ่นแช็ตไลน์คุยกับเจ้าของร้านมือถือ เสนอจะหลับนอนด้วยเพื่อแลก"ไอโฟน 6" แต่เจ้าของร้านมือถือปฏิเสธทันที แถมยังเตือนสติให้ทำงานเก็บเงินซื้อดีกว่า "ครูยุ่น"ชี้เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นค่านิยมที่ยึดวัตถุ ไม่ได้เกิดเฉพาะเด็ก แม้แต่ผู้ใหญ่ก็มี แนะปลูกจิตสำนึกให้เด็กรักษาสิทธิในร่างกายของเขาเอง เอ็นจีโอระบุจะโทษเด็กฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นยุคบริโภคนิยม ต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ ปลูกฝังสอนให้เด็กรู้จักคุณค่าตัวเอง "ทิชา"ระบุไม่ใช่ความผิด ของเด็ก 



เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสังคมออนไลน์ตอนนี้วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ถึงกรณีที่เด็กหญิงคนหนึ่งเลือกใช้วิธีหลับนอนกับผู้ชายเพื่อแลกกับไอโฟน 6 เครื่องใหม่ โดยมีคนนำเรื่องนี้ไปตั้งกระทู้ในเว็บบอร์ด หัวข้อ "เด็กหนอเด็ก สมัยนี้เนอะ" โดยคุณไม่มีวันเดินเดียวดาย แล้วนำภาพแช็ตไลน์สนทนากันระหว่างเด็กนักเรียนหญิงไทยคนหนึ่งกับเจ้าของร้าน ขายมือถือ มีการสอบถามและต่อรองราคามือถือไอโฟน 6 ซึ่งตอนแรกก็ดูเหมือนจะไม่น่ามีอะไรผิดปกติ



แต่แล้วเมื่อการ สนทนาผ่านไป เด็กสาวพบว่าตัวเองยังขาดเงินอีกจำนวน 3,900 บาทถึงจะสามารถซื้อไอโฟน 6 ได้ ปรากฏว่าเด็กสาวรายนี้กลับเสนอเรื่องเจ้าของร้านไม่คาดคิด



"หนูนอนกะพี่คืนนึงแล้วพี่ขายให้หนูนะ" เด็กสาวยื่นข้อเสนอ



"หะ" เจ้าของร้านตอบ



เด็กสาวแช็ตต่อไปว่า "ก็ที่ขาดอีก 3,900 หนูนอนกับพี่แลกกันไง", "พี่จะเอาไหมล่ะ บอกมาเลย"



เจ้าของร้านมือถือตอบไปว่า "ไม่ครับ ผมรักเมีย อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย ถึงทำแบบนี้"



เด็กสาวกลับตอบโต้ว่า "เท่าไหร่ก็เรื่องของหนู ไม่เอา ไม่ต้องมาถาม"



เจ้าของร้านมือถือยังเตือนสติว่า "ทำงานเก็บเงินเอาซิครับ ขาดอีกนิดเดียวก็ซื้อได้แล้ว"



แต่กลับโดนเด็กสาวด่าทอว่า "ไม่เอาก็ไม่ต้องมาเสือกสอนหนู กูมีปัญญาหาเองได้ กูไม่ซื้อร้านมึงก็ได้ บายค่ะ"



สุดท้ายเจ้าของร้านมือถือตอบว่า " เอ้าอีห่า เออไปไหนก็ไป อีเด็กนรก"



ปรากฏ ว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีดังกล่าวกันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะวิธีคิดของเด็กสาวที่เลือกใช้วิธีไม่เหมาะ ค่านิยมผิดๆ เพียงแค่ต้องการได้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันก็เห็นด้วยที่เจ้าของร้านมือถือที่เตือนสติเด็กสาวให้รู้จักทำ งานเก็บเงินเพื่อซื้อของด้วยตัวเอง



วันเดียวกัน นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก กล่าวเรื่องนี้ว่า กรณีดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการด้านวัตถุ โดยกรณีที่เด็กต้องการโทรศัพท์ไอโฟน 6 ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความต้องการในตลาดสูง ซึ่งคงไม่ใช่แค่โทรศัพท์แต่หมายถึงสินค้าชนิดอื่นด้วย วัตถุหรือสินค้าทำให้เกิดกระแสความอยากได้ และไม่ใช่แค่เด็กที่อยากได้ไอโฟน 6 แต่ผู้ใหญ่หลายคนก็มีความต้องการจนกระทั่งหาวิธีเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา เมื่อได้มาครอบครองก็อาจรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่าคนที่ไม่มี ทำให้เด็กคนนั้นมีความสุข แต่ถ้าไม่มีไอโฟน 6 ทำให้เกิดทุกข์ อีกทั้งกลไกตลาดในปัจจุบันมีแผนการที่แยบยลกระตุ้นความต้องการอยู่เสมอ



"ปัญหา ค้าประเวณีไม่เคยถูกแก้ไขได้อย่างหมดจด เมื่อมีไอโฟน 6 เข้ามาสอดคล้องตามกระแสความต้องการ ก็ทำให้เรื่องละเมิดสิทธิเด็กเกิดขึ้น เพราะความต้องการของเด็กเอง อดีตที่ผ่านมากว่า 20 ปี ปัญหาค้าประเวณีเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี มักเกิดจากเด็ก 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มเด็กที่ถูกบังคับ หรือโดนหลอกให้ค้าประเวณี 2.กลุ่มที่กึ่งเต็มใจ และโดนกดดันจากพ่อแม่ ชุมชนรอบข้าง และ 3.กลุ่มที่สมัครใจ แต่ด้วยกฎหมายการค้ามนุษย์ ซึ่งมีบทลงโทษที่ค่อนข้างหนัก ทำให้การค้าประเวณีหรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิเด็กจากอดีตเข้าสู่การ แก้ปัญหาที่ดีขึ้น ปัญหาเหล่านี้ลดน้อยลง โดยเฉพาะจากกลุ่ม 1 และ 2 ส่วนกลุ่มที่ 3 ยังคงหลงเหลืออยู่ เนื่องจากตามกระแสค่านิยมทางวัตถุ" นายมนตรีกล่าว



เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็กกล่าวว่า การแก้ปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนและสิทธิเด็ก ต้องแก้ด้วยการปลูกจิตสำนึกให้เด็กและต้องเป็นไปตามวิถีชีวิต สอนให้รู้ว่าอะไรคือการละเมิดสิทธิ ทั้งการค้าประเวณีหรือการทำร้ายร่างกาย และสอนให้รู้ว่ามีความสำคัญอย่างไร โดยต้องปลูกฝังอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ทำให้เด็กรักษาสิทธิในร่างกายของเขาเอง รักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมทั้งสอนให้รับผิดชอบกับสิ่งที่ตนเองกระทำ ปัจจุบันต้องยอมรับว่าไม่ใช่แค่ผู้ใหญ่ที่ละเมิดสิทธิเด็ก แต่เด็กก็ละเมิดสิทธิเด็กด้วยกันเอง เห็นได้จากข่าวการตบตี ทำร้ายร่างกาย หรือการละเมิดทางเพศเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ดังนั้นสิ่งที่น่าจะช่วยได้คือ การปลูกฝังจิตสำนึกอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ซึ่งอาจบรรจุไว้ในหลักสูตรการเรียนให้เข้มข้นกว่านี้



ส่วน น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมความเสมอภาคและที่ปรึกษาศูนย์ช่วยเหลือสังคม กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าทั้งสองฝ่ายมีตัวตนจริง หรือไม่ เป็นเด็กหรือไม่ เรื่องนี้ไม่สามารถฟันธงได้ว่าใครผิด เพราะไอโฟนมีราคาแพงจึงเป็นความเสี่ยงทั้งคนซื้อและคนขายที่จะถูกหลอกทั้ง สองฝ่าย แต่หากเรื่องนี้เป็นเด็กและมีตัวตนจริงก็จะต้องย้อนกลับไปดูที่พ่อแม่ผู้ ปกครองว่าเด็กคนนั้นมีความจำเป็นอย่างไรที่จะต้องซื้อไอโฟนที่มีราคาแพงและ เป็นสินค้ายอดนิยม



"ดังนั้น คำพูดหรือข้อความเพียงอย่างเดียวนั้นคงไม่เพียงพอจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จ จริงทั้งสองฝ่าย เราจะต้องไม่หลงไปกับการบริโภคนิยมจนลืมความเหมาะสมของตัวเอง จะต้องพิจารณาตัวเองว่าสมควรหรือไม่ มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน และจะต้องมีทักษะในการตัดสินใจที่เหมาะสมว่ามีกำลังทรัพย์และมีความจำเป็น หรือไม่ที่จะซื้อของแพง" น.ส.สุเพ็ญศรีกล่าว



นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวหากเป็นเด็กกระทำจริง จะโทษเด็กแต่เพียงฝ่ายเดียวนั้นไม่ได้ เพราะปัจจุบันเป็นยุคบริโภคนิยม ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากสังคมถูกครอบไปด้วยบริโภคนิยม ดังนั้น จะต้องเข้าใจเด็กเสียก่อนว่าเด็กนั้นได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อแม่ผู้ปกครองและ ครอบครัวหรือไม่ เพราะการ กระทำดังกล่าวหากไม่ได้รับการดูแลจากครอบครัวที่ดี อาจทำให้เด็กหลายคนคิดว่าใช้วิธีการนี้ก็ไม่ผิด



"ปัจจุบัน สถานศึกษาไม่ว่างดูแลเด็ก เกิดจากการแข่งขันกันวัดผลเพียงด้านวิชาการและธุรกิจเท่านั้น ทำให้การดูแลเอาใจใส่เด็กระหว่างครูและนักเรียนลดน้อยลง สิ่งที่จะต้องแก้ไขที่สำคัญคือควรควบคุมโฆษณา เพราะเป็นการกระตุ้นจนทำให้เด็กเยาวชนอยากได้สินค้าจนเกินความจำเป็น และระบบการศึกษาจะต้องปลูกฝังสอนให้เด็กรู้จักคุณค่าตัวเอง และควรมีพื้นที่ให้เด็กได้แสดงออกเพื่อให้เห็นคุณค่าของตัวเองให้มากขึ้น" นายจะเด็จกล่าว



นายจะเด็จกล่าวว่า พ่อแม่ผู้ปกครองและครอบครัวเป็นคนที่สำคัญที่สุดควรจะดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด และควรจะมีกิจกรรมร่วมกันกับครอบครัวให้มากขึ้น จะต้องมีเวลาดูแลเด็กให้มากขึ้น และสวัสดิการของรัฐจะต้องมีการส่งเสริมให้ทำงานน้อยลง เพื่อมีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น



นางวรรภา ลำเจียกเทศ รอง ผอ.สำนักงานเลขานุการ คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ กล่าวว่า ในปัจจุบันสังคมไทยมีรูปแบบนี้มากมาย เราไม่สามารถเข้าถึงได้จนทำให้เกิดแม่เล้าเด็ก หากครอบครัวดูแลเด็กเป็นอย่างดีเหตุการณ์นี้คงไม่เกิดขึ้น เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่าฝ่ายใดเริ่มก่อน เพราะพ่อค้าจะรู้กฎหมายและมีการระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น อีกทั้งอีกฝ่ายจะเป็นเด็กหรือไม่จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อนที่จะ กล่าวหาว่าเด็กเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกหลอกหรือไม่



"เหตุการณ์ นี้สามารถมองได้หลายมุมมอง ถ้าหากเป็นเด็กจริงเด็กนั้นกร้านหรือเปล่า ซึ่งสังคมมีการระวังตัวมากขึ้น ซึ่งจะต้องสืบพยานหลักฐานข้อเท็จจริงต่อไป เพราะเหตุการณ์นี้การกระทำยังไม่เกิดว่ามีการขายบริการทางเพศจึงยังไม่ผิด ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการ พ่อแม่ผู้ปกครองและครอบครัวจะต้องดูแล ทำให้สังคมได้ตระหนักไม่ควรเน้นวัตถุนิยมมากจนเกินไป พ่อแม่ผู้ปกครองครอบครัวควรพูดคุยดูแลเด็กดูแลลูกเหมือนเพื่อน" นางวรรภากล่าว



นางทิชา ณ นคร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า กรณีนี้ตนมองว่าผู้ใหญ่พาเด็กมาตกหลุมพราง เด็กเป็นแค่ผู้รับผลการกระทำของผู้ใหญ่ ทั้งสิ่งที่ดีงาม เลว ร้าย ชั่ว ตนมองว่าไม่ใช่ความผิดของเด็ก แต่เด็กทำให้เรารู้ถึงปรากฏการณ์ของปัญหา ที่ผ่านมาผู้ใหญ่พาประเทศเสียหายมาเยอะ แต่ผู้ใหญ่สามารถเอาตัวรอดได้ เพราะผ่านชีวิตมาเยอะ แต่เด็กไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ตนรู้สึกเห็นใจเด็ก เพราะเด็กจะไม่รู้เลยว่าผลของกระทำจะมีผลผูกพันต่อชีวิตของเด็กไปอีกนานแค่ ไหน และผู้ใหญ่ไม่ควรรีบสรุปกรณีดังกล่าว เพราะหลายคนกลับต่อว่าเด็กคนนั้น หากจะกล่าวโทษเด็กฝ่ายเดียว ตนว่าไม่แฟร์ เพราะจริงๆ แล้วผู้ใหญ่เป็นผู้ขุดหลุมพราง เด็กไม่ใช่คนขุด เมื่อเด็กตกหลุมพราง ผู้ใหญ่กลับไม่มีเครื่องมือที่จะนำทางให้เด็กออกจากหลุมพรางนั้น



"เด็ก คนนั้นที่ตกหลุมพรางอาจเพราะมีปัญหาจากครอบครัวที่ไม่พร้อม เช่น ฐานะ การศึกษา เด็กจึงแสวงหาความต้องการด้วยวิธีนี้ สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรจะแก้ไขคือ หาวิธีป้องกันไม่ให้เด็กตกหลุมพราง รับฟัง เยียวยาและพยายามเข้าใจเด็ก ไม่ใช่ซ้ำเติมเด็ก ซึ่งหากเด็กตกหลุมพรางไปแล้ว ก็ต้องหาเครื่องมือชี้นำให้เด็กขึ้นมาให้ได้" นางทิชา กล่าว
 

ที่มา ข่าวสด